วันที่ 29 พ.ค. นายเอ็นดิอาเม่ ดิอ็อบ ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เปิดเผยว่า ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกรายงานการประเมินรายได้และรายจ่ายภาครัฐของประเทศไทย การส่งเสริมอนาคตที่ทั่วถึงและยั่งยืน โดยแนะให้ไทยปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มการจัดเก็บรายได้ สอดรับกับการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้ไทยไปสู่เป้าหมายความทั่วถึง ความยั่งยืนทางการคลังและสู่ประเทศมีรายได้สูง ถ้าไม่มีการปฏิรูปภาษี จะไม่สามารถไปสู่ความยั่งยืนทางการคลังได้ และจะทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยการใช้จ่ายต้องมีประสิทธิภาพตรงจุดเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และต้องปฏิรูปภาษีภาครัฐควบคู่ไปด้วย

นายฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจให้มีความเท่าเทียมและความยืดหยุ่นมากขึ้นได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ การเพิ่มการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ และการใช้นโยบายช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและนโยบายที่เกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยธนาคารโลกพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปทางการคลังของประเทศไทยเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

ทั้งนี้ในระยะสั้น รัฐบาลสามารถเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด้านที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญ โดยสามารถบริหารจัดการการใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ให้เหมาะสม ส่วนในระยะยาว การรับมือกับภาระทางการคลังที่จะเกิดจากการใช้จ่ายที่จำเป็น พร้อมกับบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่มีความยั่งยืน โดยจะต้องอาศัยการจัดเก็บรายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นคำพูดจาก เกมสล็อต

ขณะที่รายงานฉบับนี้นำเสนอการปฏิรูปภาษีแบบก้าวหน้า ซึ่งเมื่อนำแต่ละวิธีมารวมกันจะสามารถเพิ่มรายได้ 3.5% ของจีดีพี ด้วยการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) และยกเลิกการยกเว้นต่างๆ การขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและลดเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีและการหักค่าใช้จ่าย และการขยายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือ 10 ปีจากนี้ การปฏิรูปจะส่งเสริมความให้เกิดความเท่าเทียมและเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บรายได้ภาครัฐเพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยผลกระทบของการปฏิรูปด้านภาษีต่อผู้มีรายได้น้อยและคนยากจนสามารถได้รับการทดแทนโดยนโยบายและมาตรการช่วยเหลือทางสังคมต่างๆ และส่งผลให้สถานะทางการคลังของรัฐบาลดีขึ้นด้วย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า รายงานของเวิลด์แบงก์จะทำให้ทุกคนเข้าใจรายได้และรายจ่ายภาครัฐของประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญให้ส่งเสริมอนาคตอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการคลังและนโยบายการเงินได้ทำงานร่วมกันใกล้ชิดในช่วงวิกฤติโควิด โดยจากนี้ต้องส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ซึ่งเป็นแรงสำคัญในการเพิ่มรายได้ภาครัฐ ผ่านการจัดเก็บภาษีเป็นดิจิทัลมากขึ้น ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งเสริมร้านต่างๆ เข้าสู่ระบบภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านภาษี

อย่างไรก็ตาม หลังโควิดภาครัฐจำเป็นต้องเพิ่มรายได้มากขึ้น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมผลักดันนโยบายการคลังเชิงรุก และนโยบายการเงินรอบคอบต่อไป และบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคเข้มข้น และผสานนโยบายต่างๆ ทั่วถึงยั่งยืนมากขึ้น โดยกลับมาทบทวนแผนกรอบการคลังระยะยาวปีงบประมาณ 67-70 สู่การลดการขาดดุลการคลังให้ต่ำกว่า 3% และลดหนี้สาธารณะเหลือ 61.25% ในปีงบประมาณ 70คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นายคิม อลัน เอ็ดเวิร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและหัวหน้าโครงการของธนาคารโลก กล่าวว่า การเพิ่มการจัดเก็บรายได้ภาครัฐเป็นเรื่องที่จำเป็น และประเทศไทยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐผ่านมาตรการให้ความช่วยเหลือทางสังคม การศึกษา และสาธารณสุข เช่น การใช้มาตรการช่วยเหลือทางสังคมที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนจะช่วยลดภาระทางการคลังแต่ยังสามารถลดระดับความยากจนได้